อ้อยขอขอบพระคุณในทุกการรับชมและทุกกำลังใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคลิปนี้จะมีประโยชน์แก่ท่านผู้ชมบ้างไม่มากก็น้อย ท่านใดมีข้อเสนอแนะ ข้อสงสัย หรือคำแนะนำติชมใดๆ Comment ไว้ได้เลยค่ะ อ้อยจะมาตอบทุก Comment และเยี่ยมเยียนทุกท่านแน่นอนค่ะ love love

เห็นหลายๆคอมเม้นก็หาข้อมูลมาให้ความรู้เรื่องกากน้ำตาลที่น้ออ้อยเขาทำว่าไม่เรียกว่ากากน้ำตาลมันก็ใช่ แต่น้องเขามานำเสนอเป็นทางเลือกคือถ้าใครสะดวกในการหาซื้อกากน้ำตาลได้ก็หาซื้อไปครับ แต่บางคนไม่มีความรู้ในการหาซื้อตามช่องทางต่างๆหรือสู้ราคาไม่ไหวคลิปนี้ก็เป็นทางเลือกอีกช่องทางหนึ่ง อยู่ที่ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะใช้ได้เหมือนหรืออาจจะน้อยกว่าเท่านั้น และที่น้องเขาทำใช้ก็เห็นน้องอ้อยเขาใช้มานานแล้วและได้ผลเหมือนกับกากน้ำตาลที่ซื้อใช้กันซึ่งมันก็ไม่ผิดนะ โอเคถ้าใครจะยึดติดว่ากากน้ำตาลต้องเป็นกระบวนการของเหลวดำๆหนืดๆที่เหลือจากโรงงานแบบนั้นก็ใช้แบบนั้นต่อไปครับ ส่วนแบบที่น้องเขาทำก็ขอให้เป็นทางเลือกของคนอีกกลุ่มหนึ่งนะครับ ถ้ามันไม่เลวร้ายขนาดที่จะทำให้ใครเดือดร้อนนะครับ

ทำไมอาหารจุลินทรีย์ต้องใช้กากน้ำตาล เหตุผลก็คือเมื่อก่อนกากน้ำตาลคือของเหลือจากการผลิตน้ำตาล ไม่มีประโยชน์ กำจัดยาก มีคนเอามาใช้เป็นอาหารจุลินทรีย์แทนน้ำตาลเพราะมันประหยัดกว่าในตอนนั้น แต่ต้องใช้ปริมาณมากว่าน้ำตาล สูตรหมักปุ๋ยอลเขียนเป็นกากน้ำตาล แต่หลายคนไม่เข้าใจคิดว่าต้องให้กากน้ำตาลเท่านั้น ทำให้ราคากากน้ำตาลสูงกว่าราคาน้ำตาลแต่ก็ยังหลอกขายได้ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ที่ต้องการลดต้นทุนอย่างแรง

ขออนุญาตเพิ่มเติมสูตรนี้ครับ

ไม่มีกากน้ำตาล ก็ใช้น้ำตาลไปเลย ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำตาลมาทำเป็นกากน้ำตาลอีก เพราะวัตถุประสงค์ก็คือใช้เป็นอาหารของจุลินทรีย์เหมือนกัน

ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นการทำกากน้ำตาลนะครับ ในกระบวนการผลิตน้ำตาลจะมีของเหลือที่ใช้การไม่ได้เรียกว่ากากน้ำตาล ซึ่งยังมีความหวานจากน้ำตาลเจือปนอยู่ แทนที่จะทิ้งเขาจึงนำมาใช้เป็นอาหารจุลินทรีย์ในกระบวนการทำปุ๋ยจุลินทรีย์ชีวภาพ ซึ่งอาหารจุลินทรีย์คือน้ำตาลจะใช้จากไหนก็ได้ ตั้งแต่น้ำมะพร้าว น้ำผลไม้ น้ำตาล น้ำอ้อย น้ำตาลทราย ชีอิ๊วดำ ฯลฯ ดังนั้นการเอาน้ำตาลมาละลายน้ำไม่น่าจะเรียกว่าเป็นการทำกากน้ำตาลนะครับ เพราะมันคนละอย่างกัน น่าจะเรียกว่าการทำน้ำเชื่อมสำหรับใช้แทนกากน้ำตาลน่าจะเหมาะสมกว่าครับ เนื่องจากมีเชื้อยิสต์ในธรรมชาติอยู่แล้ว หากทำไม่สะอาด จะทำให้น้ำเชื่อมดังกล่าวกลายเป็นไวน์ได้ หากปิดฝาขวดสนิทจะทำให้ขวดระเบิดได้ ดังนั้นไม่น่าจะเก็บไว้ใช้ได้เป็นปีนะครับ ผ่านไปสักเดือนลองชิมดูครับ มันเป็นไวน์ไปแล้ว

เพื่อคนเข้ามาอ่าน....ยีสก้คือจุลิทรีย์...แล้วจุลินทร์ก้กินน้ำตาลแล้วย่อยเป็นสารอาหารไห้พืช..ดังนั้นสูตรนี้ดีกว่ากากน้ำตาลแน่นอนแต่เรื่องราคาอาจแพงกว่า..เสริมคือ.ขั้นตอนการทำต้องต้มเพื่อฆ่าจุลินทรีที่ไม่ต้องการเพื่อคงการอาหารไว้ไห้จุลินทรีเพื่อไช้ทดแทนกากน้ำตาล...(ซีอิ้วดำผลิตจากกากน้ำตาล)

เพิ่งเข้ามาชม เพราะเพิ่งสนใจเรื่องการใช้ EM สรุปตามคลิปนี้

วิธีนี้ง่ายดีครับ ไม่ต้องเปรืองแก๊สอีกต่างหาก

เป็นข้อมูลที่ดีครับ เดี่ยวจะนำไปใช้ ผมคิดผิดมาตลอดว่าต้องใช้แต่กากน้ำตาล ขอบคุณครับสำหรับความรู้สรุปตอนนี้น้ำตาลทรายแดงถูกกว่าพวกๆกากน้ำตาลแล้ว

ง่ายๆ ของรอบตัวเรามี ขอบคุณสำหรับคลิปดีๆแบบนี้ครับ

ขอบคุณมากๆค่ะ ทำง่ายสุดๆ

เราอยู่เยอรมันนีเขาใช้หัวบีทรูทมาทำนำ้าตาลขายในท้องตลาด​ ส่วนกากนำ้ตาลเขานำมาทำเป็นไซรับให้ข้นเหมือนนำ้ผึ้งใช้ทาขนมปังกินเราซื้อมากินแทนนำ้ผึ้งเพราะราคาถูกกว่านำ้ผึ้งความหวานไม่แหลมมาก​ กากนำ้ตาลจะมีแร่ธาตุแม็กนีเชียมมาก(Magnesium)​ให้ประโยชน์แก่ร่างกายด้วย

วันนี้มารับชมการทำกากน้ำตาลเอาไว้ใช้เอง เป็นความรู้ดี ๆ ที่มาแบ่งปันให้กับพวกเราทุก ๆคน

มาชมทำกากน้ำตาลใช้เองด้วยคนค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปัน แต่พูดเยอะไปนิดนึง

ชอบวิธีบ้านนี้มาก ขอบคุณค่ะ

มารับชมด้วยคนจ้า

ขอบคุณมากครับ สูตรยุคประหยัด

ขอบคุณคุณอ้อยมากๆครับ สำหรับข้อมูลดีๆ เพิ่งรู้ว่าทำแบบนี้ได้ด้วย แต่ก่อนเคยซื้อแต่กากน้ำตาลมาหมัก ราคาค่อนข้างสูง พอดีเจอร้านนึงขายส่ง กก.ละ 10 บาท ถูกกว่าน้ำตาลทรายแดงหน่อย แต่คงหวานไม่เท่า ต้องใช้เยอะกว่า เดี๋ยวจะลองวิธีนี้ดูบ้างครับ